เพชรสังฆาต : ช่วยให้ริดสี
เพชรสังฆาต : ช่วยเสริมสร้างมวลกระดูก จากการที่มีฤทธิ์กระตุ้นเซลล์สร้างกระดูกให้เพิ่มขึ้น และเพิ่มการสร้างคอลลาเจนในเซลล์สร้างกระดูก และยังป้องกันการสูญเสียมวลกระดูกใน หนูทดลองที่ถูกตัดรังไข่ เพื่อจำลองให้เกิดสภาวะเหมือนหญิงวัยทอง โดยมีผลเทียบเท่ากับยาแผนปัจจุบัน คือ raloxifene ข้อดีของเพชรสังฆาต เมื่อเปรียบเทียบกับการให้ฮอร์โมนเอสโตรเจนทดแทน พบว่าเพชรสังฆาต ให้ผลดีทั้งในเรื่องของความหนา ความแข็งแรง และความหนาแน่นมวลกระดูก ขณะที่เอสโตรเจน จะไม่มีผลในเรื่องความหนาแน่นของมวลกระดูก นอกจากนี้เพชรสังฆาตยังมีฤทธิ์ลดอาการปวดข้อ โดยไม่มีผลต่อกระเพาะอาหาร เนื่องจากพบว่าเพชรสังฆาตออกฤทธิ์ลดการหลั่งกรด และรักษาแผลในกระเพาะอาหารได้ด้วยกลไกเดียวกันกับยา omeprazole
ส่วนประกอบ : ในยาทั้งหมด 400 มก. ประกอบด้วยผงเพชรสังฆาต 250 มก. และตัวยาอื่น ๆ
ขนาดบรรจุ : 70 แคปซูล
วิธีใช้ : วิธีใช้ : ริดสีดวงทวาร รับประทานครั้งละ 3 แคปซูล วันละ 3 ครั้ง หลังอาหาร (หากทานแล้วระบายมาก สามาถปรับลดขนาดการทานลงได้)
รักษาข้อเข่าเสื่อม หรือ บำรุงกระดูก ครั้งละ 2 แคปซูล หลังอาหาร 1-3 มื้อ
ลดน้ำหนัก 2 แคปซูล ก่อนอาหารเช้า เย็น ต่อเนื่องได้ 3 เดือน พัก 1 เดือน
ข้อห้ามใช้/ข้อควรระวัง : ยังไม่มีรายงานการศึกษาเรื่องข้อห้ามใช้/ข้อควรระวัง
อาการไม่พึงประสงค์ : จากผลการวิจัยทางคลินิก ผู้ป่วยที่ได้รับเพชรสังฆาตบางรายมีอาการ ท้องผูก ท้องเสีย ปวดศีรษะ ท้องอืดเฟ้อ คลื่นไส้ อาเจียน
ข้อมูลความเป็นพิษ : ในขนาดรับประทานปกติไม่ก่อให้เกิดพิษ
ข้อเสนอแนะ : การปฏิบัติตัวเมื่อเป็นริดสีดวงทวาร ควรรับประทานผักผลไม้ ดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 6-8 แก้ว ร่วมไปกับการรับประทานเพชรสังฆาต ไม่ควรปล่อยให้ท้องผูกหรือเบ่งอุจจาระเนื่องจากอาจทำให้อาการกำเริบได้
ห้ามนำรูปไปทำซ้ำหรือดัดแปลงก่อนได้รับอนุญาตเด็ดขาด
เข้าข่ายกระทำผิดตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 มาตรา 27, 31, 69 วรรคสอง, 70 วรรคสอง 74, 75 และมาตรา 76
กรุณาเข้าสู่ระบบ